ลองหลับตาแล้วนึกถึงเรือสำราญ อะไรสะดุดตาเป็นอย่างแรก? ‘สีขาว’ อยู่แล้ว ว่าแต่…สงสัยหรือไม่ว่าทำไมเรือสำราญต้องเป็นสีขาว

อันที่จริงสีสันในยุคนี้ก็มากมาย แยกเฉดสีอ่อนเข้มได้หมด จะเลือกอะไรก็ได้ และเรือหลายประเภทก็ทาสีตามแต่เจ้าของเรือต้องการ แต่เรือสำราญส่วนใหญ่ (หรืออาจจะทุกลำบนโลก) ยังคงเป็นสีขาวอยู่ดี

นึกย้อนทะลุเข้าไปในโลกภาพยนตร์ รวมถึงโลกจริง มันก็มีอยู่นะที่เรือสำราญมันเป็นสีดำ

‘เรือไททานิก’ ไง (ถึงตอนนี้ก็เป็นสีส้มเพราะสนิมก็นะ)

พอนึกกันออกมั้ยว่าทำไมเรือไททานิกจึงทาสีดำ?

คำตอบก็อยู่ที่ปล่องควันนั่นแหละ

เรือสมัยนั้นใช้การเผาไหม้ของถ่านหินมาเป็นพลังงานให้เรือแล่นไปในทะเล ทั้งตัวของถ่านหินเองและเขม่าควันสีดำอาจมาเปื้อนตัวเรือได้ ดังนั้นจึงใช้สีดำในการพรางความสกปรกและคราบไว้ เป็นการประหยัดเวลาทำความสะอาดเรือไป

กลับมาสู่โลกปัจจุบัน

เส้นทางล่องเรือสำราญมักอยู่ในเขตทะเลอบอุ่น ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนสูงวัยและต้องการมาล่องเรือด้วยบรรยากาศสบาย ๆ ชิล ๆ ดังนั้นนักออกแบบเรือจึงเลือกสีขาวเพื่อให้สะท้อนความร้อนและแสงแดดออกไปจากเรือ เพื่อให้เรืออมความร้อนไว้น้อยที่สุด และยังเป็นการช่วยให้เครื่องปรับอากาศบนเรือไม่ต้องทำงานหนักตลอดเวลา เท่ากับประหยัดพลังงานและต้นทุนได้อีก

นอกจากนี้ สีขาวยังให้ความรู้สึกสะอาด สดใส ผ่อนคลาย และดูแพง ส่งผลให้เพิ่มการดึงดูดผู้คนให้เข้ามาเป็นลูกค้า

แต่ขึ้นชื่อว่ามนุษย์แล้ว ย่อมต้องหาความแปลกใหม่อยู่เสมอ ปัจจุบันมีบริษัทเรือสำราญบางรายมองตัวเรือว่าเป็นผืนผ้าใบขนาดใหญ่ จึงได้เชิญจิตรกรมาโชว์ฝีมือ เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้ามากขึ้น

อ้างอิง