2 MIN READ

The Great Captain Series: คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus)

บุรุษผู้หลงใหลผืนน้ำและเกลียวคลื่น ได้รับช่วงชีวิตที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดและตกต่ำสุดจากการกางใบเรือออกเดินทางเพื่อพิสูจน์ความเชื่อของตนเอง
2 MIN READ

The Great Captain Series: คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus)

บุรุษผู้หลงใหลผืนน้ำและเกลียวคลื่น...

พลเรือเอกแห่งน่านน้ำมหาสมุทร (Admiral of Ocean Sea) นักสำรวจและนักเดินเรือชาวอิตาลี ผู้พิสูจน์ว่าโลกกลม ซึ่งได้เดินทางบุกเบิกข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เปิดประตูสู่ทวีปอเมริกา เชื่อมโลกเก่าและโลกใหม่เข้าด้วยกัน ชายผู้มีนามว่า ‘คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus)’

เส้นทางชีวิตของชายที่ถูกจารึกไว้ให้เป็นอีกหนึ่งตำนานของนักเดินเรือ เพราะมีความคิดสวนทาง จึงนำพาให้เขาค้นพบโลกใหม่ ที่ได้เปลี่ยนแปลงอารยธรรมของมนุษยชาติไปตลอดกาล

จุดเริ่มต้นของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส

คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเกิดราวปี ค.ศ. 1451 ที่เมืองเจนัว (Genao) ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของประเทศอิตาลี เรื่องราวสมัยเด็กของเขานั้นไม่มีใครทราบแน่ชัด

เขาหลงใหลการเดินเรือตั้งแต่เด็ก เริ่มทำงานบนเรือสินค้าสัญชาติโปรตุเกสเมื่อมีอายุได้ 20 ปี
ทว่าโชคกลับไม่เข้าข้าง ในปี ค.ศ. 1476 โคลัมบัสเกือบต้องสังเวยชีวิตให้กับท้องทะเล เพราะเรือสินค้าถูกโจรสลัดฝรั่งเศสโจมตีจนเรืออับปาง เขาและบาร์โธโลมิว (Bartholomew) น้องชายต้องลอยคอเกาะแผ่นไม้ไปขึ้นฝั่งที่โปรตุเกส

เขาอาศัยอยู่ที่เมืองลิสบอนกับน้องชาย ซึ่งทั้งสองยึดอาชีพนักสร้างแผนที่ ต่อมาโคลัมบัสได้แต่งงานกับ เฟลิปา โมนิซ เพเรสเตรโญ (Felipa Moniz Perestrello) หญิงสาวชาวโปรตุเกสและมีลูกชายด้วยกันชื่อ ดิเอโก้ (Diego)

ช่วงเวลานั้น เขาเริ่มศึกษาศาสตร์ต่าง ๆ ทั้งภูมิศาสตร์ ดาราศาสตร์ การเดินเรือ รวมถึงประวัติศาสตร์ นับว่านี่คือจุดเริ่มต้นชีวิตของโคลัมบัสในฐานะนักสำรวจและนักเดินเรือในตำนานที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้โลกอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด

แผนการที่ยิ่งใหญ่กับความเชื่อที่ถูกต่อต้าน

สมัยนั้น ดินแดนตะวันออกไกลหรือทวีปเอเชียขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนที่มั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรมากมาย อาทิเช่น เครื่องเทศ ผ้าไหม ทอง เครื่องประดับ ซึ่งเป็นที่ต้องการของชาวตะวันตก

เหล่าพ่อค้าชาวยุโรปใช้เส้นทางสายไหมเดินทาง เพื่อทำการค้าขายและนำสินค้าเหล่านั้นกลับมา ทำกำไรได้อย่างงาม แต่หลังจากพวกมุสลิมเข้ายึดครองกรุงคอนสแตนติโนเปิล การค้าระหว่างตะวันออกกับตะวันตกต้องหยุดชะงักไป

ดังนั้น ชาวตะวันตกจึงต้องสำรวจหาเส้นทางทางทะเลแทน ซึ่งการออกเดินเรือไปยังดินแดนตะวันออกนั้นต้องอ้อมผ่านแหลมกู๊ดโฮปทางแอฟริกา แต่ด้วยเส้นทางที่ไกลดูไร้จุดหมาย จึงไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จ

โคลัมบัสกลับคิดต่างออกไป เขาเชื่อว่าโลกกลม จึงได้คิดแผนการที่จะล่องเรือไปทางตะวันตก ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกมุ่งสู่เอเชีย เพื่อร่นระยะการเดินเรือและหลีกเลี่ยงการผ่านอาณาเขตปกครองของมุสลิม

ผู้คนต่างหัวเราะเยาะในความคิดอันสวนทางของเขา อีกทั้งการเดินทางข้ามมหาสมุทรอันกว้างใหญ่จำเป็นต้องมีเสบียงและใช้เงินทุนมหาศาล ไม่มีทางเป็นไปได้อย่างแน่นอน
แต่เพื่อที่จะบรรลุความฝันนี้ โคลัมบัสจึงเดินหน้าหาผู้สนับสนุนเงินทุนในแผนการของเขา

ออกเดินเรือสู่โลกใหม่

โคลัมบัสเข้าเสนอแผนการเดินเรือกับราชสำนักโปรตุเกสเพื่อขอทุนทรัพย์แต่ถูกปฏิเสธ เพราะเหล่าผู้เชี่ยวชาญไม่เห็นด้วยกับความคิดเขา แม้จะฟังดูเข้าท่า เลี่ยงการผ่านอาณาเขตปกครองของพวกมุสลิมได้ แต่การคำนวณระยะการเดินทางของเขามีความผิดพลาดอย่างมหันต์

เขายังไม่หมดความตั้งใจกับแผนการนี้ จึงได้นำแผนการดังกล่าวเข้าเสนอต่อทางราชสำนักอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ก็ถูกปฏิเสธอีกเช่นกัน

ปี ค.ศ. 1485 ภรรยาของเขาเสียชีวิตลง เขาจึงพาลูกชายย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากที่สเปน

ต่อมาปี ค.ศ. 1486 โคลัมบัสมีโอกาสได้เข้าเฝ้ากษัตริย์สเปน พระเจ้าเฟอร์ดินานด์ที่ 2 แห่งอารากอนและพระราชินีอิซาเบลที่ 1 แห่งคาสตีล เขานำเสนอแผนการเดินเรือไปทางตะวันตกของเขาอีกครั้ง

แต่เนื่องจากสเปนกำลังสู้รบกับชาวมุสลิมอยู่ในขณะนั้น เขาจึงถูกปฏิเสธ

จนเมื่อสเปนชนะสงครามที่กรุงกรานาดาในปี ค.ศ. 1492 โครงการของโคลัมบัสก็ได้รับการอนุมัติ

พระเจ้าเฟอร์ดินานด์เชื่อว่า แผนการนี้จะทำให้จักรวรรดิสเปนร่ำรวยมั่งคั่ง ได้ครอบครองดินแดนแห่งทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์

สเปนจึงทำข้อตกลงว่า จะมอบตำแหน่งให้โคลัมบัสเป็น “พลเรือเอกแห่งน่านน้ำมหาสมุทร” ให้อำนาจในการปกครองดินแดนที่ค้นพบ และได้ส่วนแบ่ง 1 ใน 10 ของรายได้ที่ได้จากดินแดนเหล่านั้น

ในที่สุด วันที่ 3 สิงหาคม 1492 โคลัมบัสได้ออกเดินเรือมุ่งหน้าสู่มหาสมุทรแอตแลนติก พร้อมด้วยเรือซานต้า มาเรีย (Santa Maria) แล่นขนาบไปด้วยเรือนิญ่า (Niña) และเรือปินต้า (Pinta)

เป็นเวลามากกว่า 2 เดือนที่ต้องล่องลอยอยู่กลางมหาสมุทร เขาและลูกเรือต่อสู้กับความท้อแท้และความเคว้งคว้างกลางทะเล และสุดท้ายเขาก็เห็นแผ่นดินจริง ๆ กองเรือได้รับการต้อนรับจากชาวพื้นเมืองเป็นอย่างดี เขาเรียกชาวพื้นเมืองว่า “ชาวอินเดียน (Indians)” เพราะคิดว่าแผ่นดินนั้นคือทางตะวันออกของอินเดีย ซึ่งความจริงแล้ว มันคือหมู่เกาะบาฮามาส

โคลัมบัสออกเดินทางต่อไป เพื่อสำรวจเกาะต่าง ๆ แถบนั้น ค้นหาแหล่งทรัพยากรเครื่องเทศ เครื่องประดับ ทอง หรือสมบัติตามที่เขาได้สัญญาไว้กับทางราชสำนักสเปน แต่ก็หาไม่พบ
ระหว่างนั้นเกิดอุบัติเหตุ เรือซานต้ามาเรียอับปางลงในแนวปะการังแถบหมู่เกาะฮิสปาเนียลา เขาต้องสละเรือ และด้วยความช่วยเหลือของชาวเกาะ เขาได้นำไม้จากซากเรือซานต้ามาเรียมาสร้างป้อมปราการ ‘ลา นาวิดัด (La Navidad)’

และด้วยคิดว่าเขาได้บรรลุเป้าหมายการพิชิตเส้นทางสู่เอเชียแล้ว โคลัมบัสจึงเดินทางกลับสเปน โดยทิ้งลูกเรือจำนวนหนึ่งไว้ดูแลป้อม

การกลับมาของโคลัมบัสพร้อมความสำเร็จในการบุกเบิกเส้นทางสู่ดินแดนตะวันออกได้รับการต้อนรับอย่างดีจากราชสำนัก ซึ่งนี่นับเป็นการเปิดสู่ศักราชใหม่ของจักรวรรดิสเปน

การเดินเรือครั้งต่อมา

โคลัมบัสออกเดินเรืออีกครั้งเพื่อสำรวจหมู่เกาะและดินแดนเพิ่มเติมทางแถบทะเลแคริบเบียน และแสวงหาทองเพื่อนำกลับไปให้กษัตริย์สเปน ระหว่างเดินเรือผ่านฮิสปาเนียลา เขาพบว่าป้อมลา นาวิดัดถูกเผาทำลาย ลูกเรือทั้งหมดถูกสังหารไม่เหลือ

เขาเกณฑ์ชาวพื้นเมืองมาเพื่อสร้างป้อมขึ้นอีกครั้ง และเริ่มทำการสำรวจขุดหาทอง โดยเชื่อว่าจะนำมาซึ่งกำไรมหาศาล แต่กลับต้องผิดหวัง เพราะนอกจากจะหาทองได้น้อยแล้ว ยังสร้างความขุ่นเคืองใจและความเกลียดชังให้กับชาวพื้นเมืองอีก

ก่อนจะเดินทางกลับสเปน เขาทิ้งบาร์โธโลมิวและดิเอโก้ไว้เพื่อจัดการควบคุมการแสวงหาทองที่ฮิสปาเนียลา ก่อนออกล่องเรือต่อเพื่อสำรวจแถบทะเลนั้นอีก เขาได้ค้นพบหมู่เกาะใหม่ที่เขาเข้าใจว่าเป็นเกาะรอบนอกของแผ่นดินจีน

กว่าโคลัมบัสจะค้นพบแผ่นดินใหญ่นั้น ก็ในการออกเดินทะเลครั้งที่ 3 ช่วงนั้นความไม่พอใจของชาวพื้นเมืองที่ทำงานขุดทองเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นจนเกิดการจลาจล เนื่องจากการกดขี่ข่มเหงและการปฏิบัติอย่างโหดร้ายของเขาและบาร์โธโลมิว

การรายงานความล้มเหลวในการขุดหาทองและความไม่พอใจในผลงานของเขา ทำให้ทางสเปนส่งเจ้าหน้าที่ราชสำนักมาจับกุมโคลัมบัส ล่ามโซ่เขาและนำตัวกลับไปรับโทษ

แม้ท้ายที่สุดโคลัมบัสจะหลุดพ้นขอกล่าวหาทั้งหมด แต่เขาก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกริบทรัพย์สินทั้งหมด

การเดินทางครั้งสุดท้าย

ในปี ค.ศ. 1502 ความพยายามอย่างไม่ลดละของเขาที่ต้องการจะกอบกู้ชื่อเสียง บวกกับยังคงเชื่อว่าจะค้นพบสมบัติได้ เขาเกลี้ยกล่อมพระเจ้าเฟอร์ดินานด์เพื่อจะกลับไปยังแผ่นดินใหม่อีกครั้ง

ครั้งนี้โคลัมบัสเดินทางไปจนถึงอเมริกากลาง แต่กลับต้องเจอพายุหนัก สร้างความเสียหายให้กับกองเรือ ซึ่งเขาติดเกาะอยู่เกือบ 2 ปี และท้ายที่สุดก็ต้องกลับสเปนมือเปล่าอีกครั้ง เป็นการสิ้นสุดเรื่องราวการเดินเรือของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส

จุดจบแสนอัปยศ

ช่วงบั้นปลายชีวิตของโคลัมบัส เขาพยายามที่จะทวงคืนฐานันดรศักดิ์ของตัวเอง แต่ก็ไม่ประสบผล เขาเสียชีวิตลงในปี ค.ศ. 1506 อย่างชายที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง พร้อมกับความเชื่อผิด ๆ ว่าแผ่นดินที่เขาค้นพบนั้นคือ เอเชีย

อย่างไรก็ตาม โคลัมบัสได้สร้างวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ทิ้งไว้ให้กับมนุษยชาติ เขาเปิดประตูเชื่อมต่อโลกเก่าและโลกใหม่ไว้อย่างสมบูรณ์ บุกเบิกเส้นทางการเดินเรือข้ามมหาสมุทรแอตแลนติก เขาถูกจดจำในฐานะนักสำรวจและนักเดินเรือคนสำคัญในหน้าประวัติศาสตร์ ผู้คนขนานนามให้เป็น ‘ผู้บุกเบิกประตูสู่ทวีปอเมริกา’

อ้างอิง

Related Article

บทความโดย
Ship Expert Technology

ผู้นำการบริการการสื่อสารเเละนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน ตอบโจทย์สำหรับธุรกิจเเละอุตสาหกรรมเดินเรือไทย

LEAVE YOUR COMMENTS

Please enable JavaScript in your browser to complete this form.

SHIP EXPERT TECHNOLOGY CO., LTD

223/61 (Room 65) Country complex Building Tower A Sanpawut road, Bangnatai, Bangna, Bangkok 10260 Thailand

Contact Us

sales@shipexpert.net
support@shipexpert.net

Tel : +622-1054646

ABOUT US

OUR VISION
WHY THRUST US

MARITIME COMMUNICATION

VSAT
VOIP
MARINE CCTV

MARITIME SOLUTION

ERP SHIP EXPERT ENTERPRISE
MARITIME AI/BI
SHIP STABILITY SOFTWARE

Ship Expert Technology ©All Rights Reserved 2020