< 1 MIN READ

“Renewable Energy” พลังแห่งอนาคตคล้ายๆ Wakanda มี “แร่ไวเบรเนียม” #ก็จะคูลๆหน่อย

หมดยุคไฮโดรคาร์บอนกับเหล่าพลังงานสะอาดที่จะทำให้โลกเป็นสีเขียว!!
.
“พลังงานทดแทน” หรือ “พลังงานหมุนเวียน” เป็นคำไทยที่ใช้สื่อความจากคำว่า “Renewable energy” ซึ่งด้วยข้อจำกัดทางภาษาทำให้บางทีการแปลคำจากภาษาหนึ่งเป็นอีกภาษาหนึ่งไม่อาจสื่อความหมายของคำๆนั้นได้ครบถ้วน
.
Renewable energy คือ พลังงานที่มาจากแหล่งกำเนิดตามธรรมชาติ เช่น แสงอาทิตย์, ลม, ฝน, คลื่น, พืช หรือความร้อนใต้พิภพ ซึ่งแหล่งพลังงานเหล่านี้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ นั่นคือมันสามารถเติมเต็มกลับมาได้ตามธรรมชาตินั่นเอง ต่างจากแหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ต้องใช้เวลาหลายล้านปีในการกลั่นตัวและร่อยหรอลงไปตามการใช้งาน
.
ข้อดีที่โดดเด่นของ Renewable energy คือมันสร้างผลกระทบกับโลกเราน้อยมาก และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีก็ทำให้ต้นทุนการนำพลังงานเหล่านี้มาใช้ถูกลงเรื่อยๆ
มาดูกันว่าตอนนี้มนุษย์สามารถเอาแหล่งพลังงานธรรมชาติประเภทไหนบ้างมาใช้ประโยชน์ได้แล้วบ้าง
.
1. พลังงานแสงอาทิตย์ – แปลงพลังงานแสงอาทิตย์เป็นไฟฟ้า ให้ความร้อน และให้แสงสว่าง
2. พลังงานลม – ใช้ลมหมุนกังหันเพื่อสร้างพลังงานไฟฟ้า
3. พลังน้ำ – นับรวมทั้งการระเหย ฝน คลื่น และกำลังของน้ำ ที่เราคุ้นเคยคือการใช้กำลังน้ำเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าจากเขื่อน นอกจากนี้ในสหรัฐอเมริกายังมีการใช้การไหลของน้ำไปมาระหว่างอ่างเก็บน้ำสองแห่งที่ระดับความสูงต่ำต่างกันเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้า
4. พลังานความร้อนใต้พิภพ – มักพบเห็นในรูปแบบของน้ำพุร้อน ซึ่งนอกจากใช้อาบแล้วยังสามารถนำมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าได้อีก โดยพบว่าเฉพาะในอเมริกาเหนือมีพลังงานสะสมใต้พิภพมากเพียงพอที่จะผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าพลังงานจากถ่านหินถึง 10 เท่า
5. มวลชีวภาพ (biomass) – เศษไม้ ขี้เลื่อย ขยะทั่วไปที่เผาติดไฟได้สามารถนำมาเปลี่ยนเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ เหตุผลก็เพราะว่าสิ่งเหล่านี้สะสมพลังงานจากแสงอาทิตย์ไว้ในตัวมันเอง โดยการเผาของจำพวกนี้จะปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าแหล่งเชื้อเพลิงจากฟอสซิลมาก
6. เชื้อเพลิงชีวภาพ (biofuel) – เราคุ้นหูกันในชื่อ เอทานอล และ ไบโอดีเซล ซึ่งผลิตมาจากพืช โดยพบว่าในปี 2010 ทั้งโลกใช้เชื้อเพลิงชีวภาพในการคมนาคมถึง 2.7% และสามารถเพิ่มขึ้นไปได้ถึง 25% ภายในปี 2050
.
รายงานการวิเคราะห์และการคาดการณ์ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2023 ที่ทำโดยองค์กรพลังงานระหว่างประเทศ (IEA: International Energy Agency) ได้ให้ความสำคัญกับพลังงานชีวภาพสมัยใหม่ โดยกล่าวว่าพลังงานชนิดนี้จะเป็นแหล่งพลังงานที่ใหญ่ที่สุดของการเติบโตในการใช้ Renewable energy ซึ่งอาจจะมากถึง 30% ของการเติบโตเลยทีเดียว และแน่นอนว่าพลังงานนี้จะถูกใช้ในภาคการคมนาคมขนส่งและการให้พลังงานความร้อนเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตามหากความเร็วในการพัฒนายังคงเป็นไปตามคาดการณ์นี้ ในปี 2040 สัดส่วนการใช้ Renewable energy ของโลกจะเป็นเพียง 18% ซึ่งน้อยกว่าเป้าหมายเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนอยู่มากทีเดียว
.
นอกจากนี้ยังคาดการณ์อีกว่าความต้องการการใช้น้ำมันเพื่อยานยนต์ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่องไปอีก 7 ปี โดยจะไปแตะจุดสูงสุดที่ประมาณ 23 ล้านบาเรลต่อวันในประมาณปี 2025 เทียบกับตัวเลขปัจจุบันที่ 21.4 ล้านบาเรลต่อวัน
.
หลังจากนั้นตัวเลขจะลดลงเนื่องจากการเติบโตของยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าและผู้คนก็หันเหไปสู่พลังงานทางเลือกอื่นแทนน้ำมันเชื้อเพลิง แต่ก็มีข่าวดีอยู่บ้างว่าโครงการสำรวจแหล่งเชื้อเพลิงฟอสซิลใหม่จะไม่มีพื้นที่ยืนในโลกอีกต่อไป
.
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิง

Related Article

บทความโดย
Ship Expert Technology

ผู้นำการบริการการสื่อสารเเละนวัตกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารงาน ตอบโจทย์สำหรับธุรกิจเเละอุตสาหกรรมเดินเรือไทย

LEAVE YOUR COMMENTS

Please enable JavaScript in your browser to complete this form.

SHIP EXPERT TECHNOLOGY CO., LTD

223/61 (Room 65) Country complex Building Tower A Sanpawut road, Bangnatai, Bangna, Bangkok 10260 Thailand

Contact Us

sales@shipexpert.net
support@shipexpert.net

Tel : +622-1054646

ABOUT US

OUR VISION
WHY THRUST US

MARITIME COMMUNICATION

VSAT
VOIP
MARINE CCTV

MARITIME SOLUTION

ERP SHIP EXPERT ENTERPRISE
MARITIME AI/BI
SHIP STABILITY SOFTWARE

Ship Expert Technology ©All Rights Reserved 2020