ใกล้พีก…ยอดคนเรือติดกลางทะเลเพิ่มต่อเนื่อง และผลกระทบที่เริ่มก่อตัว

เมื่อช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา เราเคยเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังว่ามีคนเรือราว 200,000 คนที่ติดอยู่กลางทะเลเพราะผลัดเปลี่ยนคนไม่ได้ ตอนนี้ปรากฏว่าตัวเลขจากการประเมินได้พุ่งขึ้นเป็น 2 เท่าเรียบร้อย

400,000 คนคือตัวเลขของคนเรือที่ติดอยุ่บนเรือกลางทะเลและยังคงรอคนใหม่มาสับเปลี่ยน แต่ยังไม่เพียงเท่านี้

มีรายงานอีกว่าคนเรือจำนวนเท่า ๆ กันกำลังค้างเติ่งบนฝั่งเพื่อรอลงเรือ และหากสถานการณ์ต่าง ๆ ยังคงเป็นไปในลักษณะนี้ คือดำเนินการล่าช้าและถูกเพิกเฉย คาดว่าตัวเลขรวมจะทะยานไปแตะที่ 1 ล้านคน ซึ่งจะสร้างผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจโลกอย่างแน่นอน

ช่วงก่อนหน้านี้ มีเพียงองค์กรและบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งทางเรือเท่านั้นที่ออกมาเรียกร้องอย่างจริงจังให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ อนุญาตให้คนเรือเป็นอาชีพพิเศษที่สามารเดินทางเพื่อให้ผลัดเปลี่ยนคนได้ แต่ไม่ได้รับความสนใจจากรัฐบาลของแต่ละประเทศเท่าที่ควร

มาตอนนี้ ได้มีบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภคอย่างยูนิลิเวอร์ออกมาร่วมเรียกร้องให้รัฐบาลสนใจเรื่องการผลัดเปลี่ยนลูกเรือด้วย

พวกเขาเล็งเห็นว่า หากเรือหยุดการเดินเรือ มันจะส่งกระทบไปทั้งโลกแน่นอน ซึ่งที่สุดแล้วมันยิ่งกระหน่ำซ้ำเติมเศรษฐกิจให้ทรุดลงไปอีก และมันก็จะลุกลามไปยังภาคส่วนอื่น ๆ

ทั้งนี้พบว่า คนเรือเป็นจำนวนมากจำใจต้องอยู่บนเรือจนเกือบเต็มเวลาตามที่กฎหมายแรงงานทางทะเลระบุไว้ 14 เดือน และบางรายก็ปาเข้าไป 17 เดือนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ที่น่าเห็นใจที่สุดคือมีรายงานว่าคนเรือ (ทั้งคนที่อยู่บนเรือและคนบนฝั่งที่รอลงเรือ) ได้รับค่าจ้างต่ำกว่าที่ควรได้หรือไม่ได้รับเลย แถมยังถูกสถานการณ์บังคับให้ต้องทำงานต่อไปอีก ซึ่งอันตรายมากเพราะอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ดังเช่นเรือเกยตื้นหรือน้ำมันรั่วแบบที่เพิ่งเกิดไปได้

มีเพียงรัฐมนตรีการขนส่งของประเทศแคนาดา, ฝรั่งเศส, ปานามา, ฟิลิปปินส์ และเคนย่า ที่ตอบรับคำเรียกร้องจากองค์กรคนเรือโดยกำหนดให้คนเรือเป็นอาชีพพิเศษ ซึ่งตามประเทศเหล่านี้ยอมให้มีการผลัดเปลี่ยนลูกเรือได้ ซึ่งต้องเป็นไปตามมาตรการป้องกันการระบาดโควิด-19 ของแต่ละที่

นอกจากนี้ ยังมีประเทศออสเตรเลียและสิงคโปร์ที่ผ่อนปรนมาตรการบางอย่างเพื่อให้ลูกเรือที่เหนื่อยล้าได้กลับบ้าน

อ้างอิง